วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

การศึกษาเปรียบเทียบการนำน้ำหมักมะนาว, มะขาม และมะกรูดมาทำน้ำยาล้างจานมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพว่าสมุนไพรชนิดใดที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้น้ำยาล้างจานได้ดีกว่ากัน ผู้ศึกษาได้ทำการค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ดังมีหัวข้อต่อไปนี้
1 วิธีการทำน้ำยาล้างจาน
2 ความสำคัญของน้ำยาล้างจาน
3 สารต่างๆ ที่อยู่ในน้ำยาล้างจาน
4 ประโยชน์, โทษของน้ำยาล้างจาน และการดูแลรักษาเมื่อเกิดอาหารผิดปกติที่เกิดจากน้ำยาล้างจาน
1.วิธีการทำน้ำยาล้างจาน
             1.นำน้ำเปล่าผสมสีผสมอาหารเล็กน้อยกับ F-249 ตั้งทิ้งไว้
2.นำน้ำเปล่าผสมกับผงฟอง
3.กรองน้ำหมักออกจากสมุนไพร
4.คนN70จนเป็นสีขาวข้น แล้วเติมน้ำเกลือลงไปแล้วตามด้วยน้ำที่ผสมพงฟอง ใส่สีผสมอาหารตามที่ต้องการ เสร็จแล้วใส่F-24คนไปเรื่อยๆ ตามด้วยน้ำหมักที่เตรียมไว้ ปิดท้ายด้วยน้ำเกลือที่เหลืออยู่ เสร็จแล้วตั้งทิ้งไว้ 4-6 ชั่วโมงเพื่อให้หมดฟอง


2.ความสำคัญของน้ำยาล้างจาน
น้ำยาล้างจาน คือสารชำระล้าง (detergent) ที่ใช้ช่วยในการล้างจาน มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ที่มีการระคายเคืองต่ำ ประโยชน์หลักของน้ำยาล้างจานคือใช้ล้างภาชนะและเครื่องครัวด้วยมือหลังจากประกอบหรือรับประทานอาหารแล้ว น้ำยาล้างจานทำให้สิ่งสกปรกและไขมันหลุดจากภาชนะและรวมตัวเป็นอีมัลชัน (emulsion) อยู่ในน้ำหรือฟอง (foam) เนื่องจากโมเลกุลของน้ำยาล้างจานประกอบด้วยส่วนที่มีขั้วและไม่มีขั้วเช่นเดียวกับผงซักฟอก ส่วนที่มีขั้วจะจับกับโมเลกุลของน้ำ และส่วนที่ไม่มีขั้วจะจับกับสิ่งสกปรกให้หลุดออก ในสมัยก่อนมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น สบู่ล้างจาน หรือ ครีมล้างจานเนื่องจากเคยผลิตในรูปของสบู่และครีมมาก่อน ปัจจุบันน้ำยาล้างจานมีส่วนผสมอื่นรวมอยู่ด้วย เช่น น้ำมะนาวหรือชา ซึ่งเชื่อว่าเป็นการช่วยให้ภาชนะสะอาดมากขึ้นและถนอมมือมากกว่าเดิม
3.สารต่างๆ ที่อยู่ในน้ำยาล้างจาน
น้ำยาล้างจาน Linear Alkylbenzene Sulfonates, Sodium Salt (LAS)  จัดเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดประจุลบ (anionic surfactant) LAS เป็นสารผสมของสารที่มีจำนวนคาร์บอนอยู่ระหว่าง 10-14  อะตอมบนสายอัลคิล (alkyl chain) ซึ่งต่อกับวงแหวนเบนซินที่ตำแหน่งพารา1 LAS   ในรูปของเกลือโซเดียมจัดเป็นสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้า  และ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน  ในความเข้มข้นระหว่าง 5-25 %2 เนื่องจาก LAS สามารถทำให้สิ่งสกปรก หรือคราบไขมันหลุดจากผิวของผ้าหรือจานชามได้ 
สูตรโครงสร้างทางเคมี

                                       


  จำนวนคาร์บอนอะตอม (x+y) มีจำนวน  7-11 อะตอม
4 ประโยชน์, โทษของน้ำยาล้างจาน และการดูแลรักษาเมื่อเกิดอาหารผิดปกติที่เกิดจากน้ำยาล้างจาน
ประโยชน์
             ใช้ทำความสะอาดภาชนะหรือเครื่องใช้ในครัว  
อาการเมื่อเป็นพิษ
             ความเป็นพิษของสารนี้ต่อมนุษย์จัดว่าเป็นพิษน้อย โดยทั่วไปอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง หรือตาได้เล็กน้อย ในการทดลองการก่อการระคายเคืองของสารนี้ต่อผิวหนังและตาในกระต่าย พบว่าสารนี้สามารถก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ตาได้ในความเข้มข้น 5% ส่วนที่ผิวหนังต้องใช้ในความเข้มข้นที่สูงประมาณ 47-50%  ส่วนความเป็นพิษเมื่อรับประทานนั้น ต้องได้รับสารนี้ในความเข้มข้นมากกว่า 65%3   และจากการทดลองในหนูพบว่าปริมาณสารมากที่สุดที่ยังปลอดภัยเมื่อรับประทาน คือ 85 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน4 อาการเป็นพิษที่พบได้ในหนูจะพบความผิดปกติ ดังนี้ เดินโซเซ ขนตั้งชัน การหายใจลดลง ง่วงซึม หนังตาตก ท้องเสีย เป็นต้น

การวินิจฉัย

             กรณีรับประทานหากรับประทานในปริมาณไม่มากจะไม่พบอาการผิดปกติ แต่เมื่อได้รับในปริมาณมากอาจมีอาการเจ็บปากและลิ้น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย

             
กรณีเข้าตา ทำให้รู้สึกระคายเคือง ปวดแสบที่ตา

การปฐมพยาบาล

             กรณีรับประทาน ห้ามทำให้อาเจียน  ให้รีบดื่มน้ำหรือนมมาก ๆ  เพื่อลดการดูดซึม แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที

             
กรณีเข้าตา ให้รีบล้างตาด้วยน้ำมาก ๆ  จนอาการระคายเคืองตาหายไป  หากไม่ดีขึ้นควรนำผู้ป่วยพบแพทย์

ข้อควรระวัง (คำเตือน)

ห้ามรับประทาน

ระวังอย่าให้เข้าตา

การเก็บรักษา

             ควรเก็บในที่มิดชิดให้ห่างจากเด็กและอาหาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น